top of page

An Interview with the Perfumer: In creation of Cherry, Cinnamon, & Champagne







สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้แอดมินขอโพสต์บทสัมภาษณ์ที่แอดมินมีโอกาสได้ไปคุยกับ Perfumer เกี่ยวกับน้ำหอมกลิ่น Cherry, Cinnamon, & Champagne นะคะ




ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ได้ด้านล่างเลยค่ะ



Admin: อยากให้ Perfumer เล่าถึงที่มาที่ไปของกลิ่น Cherry, Cinnamon, & Champagne มันให้อารมณ์โทนกลิ่นประมาณไหนคะ



Perfumer: งานชิ้นนี้นำเสนอกลิ่นเชอร์รี่หวานโปร่งๆที่เบลนออกมาได้ลงตัวกับแชมเปญจางๆที่จะคลอเคล้าประสานกันไปตลอด เราสื่อสารให้กลิ่นมีความสดใส และหรูหราอยู่ในตัว มีความ Sexy กลิ่นจะให้สัมผัสของ Cinnamon ที่บางเบาไม่หนักพอให้ความ Creamy & Spicy และให้ความลุ่มลึกมีมิติในโทน Woody แฝงไว้ด้วยค่ะ


โทนอารมณ์ของกลิ่นนี้สำหรับความตั้งใจที่เราอยากสื่อออกมาคือบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ความหรูหราที่ไม่ถึงกับเว่อร์ ความเย้ายวน sexy สดใส การมองโลกในแง่บวก และการอยู่กับปัจจุบัน Enjoy the Now ค่ะ


แม้ว่าเราใช้วัตถุดิบค่อนข้าง Rich เข้มข้นและค่อนข้างซับซ้อนแต่เราไม่ทำให้กลิ่นแน่น ยังคง concept ของความโปร่งเบาแบบ Flower Water ซึ่งเป็นสไตล์หลักของแบรนด์ คือมันเป็นอะไรที่เรามองว่าลงตัวระหว่างความหวานฉ่ำของเชอร์รี่ที่ให้ Hint ของความ booziness จากแชมเปญ ความ sillage และความฟุ้งกระจายกำลังพอดีเลย




Admin: Perfumer ช่วยเล่าถึง Scent of Cherry ในแง่ของน้ำหอมกลิ่นนี้ว่ามีความพิเศษหรือโดดเด่นยังไงบ้างคะ

Perfumer: ขอเล่าย้อนความไปสมัยก่อนที่เราจะมาเป็นนักปรุงกลิ่น เราเคยนึกสงสัยว่าเชอร์รี่สดๆมันมีกลิ่นด้วยหรอเพราะอันที่จริงมันไม่มีกลิ่นเลยนะ (หัวเราะ) จนกระทั่งต่อมาเรามาทำงานด้านปรุงกลิ่นได้คุยกับบริษัทที่สวิตเซอร์แลนด์เลยเริ่มเข้าใจว่าจริงๆแล้วกลิ่นเชอร์รี่มันถือเป็นงานของจินตนาการของผู้ปรุงที่มีวัตถุดิบเฉพาะตัว มีแนวทางสร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ คือในสูตรจะใช้ benzaldehyde ที่จะให้กลิ่นออกแนวคล้ายกับ Almond ผสมกับ Musk และจะให้ความหอมหวานแบบไซรัป จนทุกวันนี้อาจเรียกได้ว่ามันเป็น Accord (โน๊ต) ที่คลาสสิคไปแล้วจึงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่นัก (ยิ้ม)





Admin: ถ้างั้นผลงานชิ้นนี้มีความแปลกใหม่ที่ต่างจากน้ำหอมกลิ่นเชอร์รี่ทั่วไปยังไงหรือมีพิเศษยังไงบ้างคะ



Perfumer: แม้ว่า Cherry Accord จะเป็นโน๊ตคลาสสิคไปแล้วก็ตามแต่อย่าลืมว่าหัวใจหรือสิ่งสำคัญของการทำน้ำหอมไม่ใช่แค่เรื่องโน๊ตหรือวัตถุดิบอย่างเดียว แต่การเบลนกลิ่นคือเรื่องสำคัญมากเช่นกันค่ะ

อย่างในงานชิ้นนี้เราให้ความพิเศษอยู่ที่การเบลนมันออกมาให้สื่อสารโทนอารมณ์ของความ Luxury เย้ายวน ความละมุน บอบบาง น่าทะนุถนอม การจะเบลนกลิ่นโน๊ตเชอร์รี่ที่ดีสำหรับเรามันต้องมีสมดุลระหว่างความหวานฉ่ำที่ต้องโปร่งบางไม่หนัก และความขมที่ตัดเลี่ยน ดมแล้วต้องรู้สึกถึงความสดใส ความสนุกสนาน ที่เข้าถึงได้แบบไม่โดดลอย แต่ยังต้องเป็น refreshing and delicious feeling ที่ไม่ใช่หวานเลี่ยน



Admin: มาพูดถึงโน๊ต Champagne ที่ Perfumer เลือกใช้ในงานน้ำหอมกลิ่นนี้ น้ำหอมกับแชมเปญนี่มันมีความเกี่ยวข้องกันยังไงคะ



Perfumer: น้ำหอม กับ Champagne นั้นมีความคล้ายกันตรงที่เป็นเครื่องแสดงออกถึงเรื่องอารมณ์ความรู้สึกดึงดูดผู้คนและรสนิยมแห่งความหรูหรา อย่างที่ Guy de Maupassant นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสเคยกล่าวไว้ว่า “Champagne…the wine of kings, the king of wines.” คือเป็นสิ่งที่แสดงถึงรสนิยมชั้นสูง มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังการรังสรรค์ที่ปราณีตบรรจง และที่สำคัญคือมีความสามารถในการปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกผ่านกลิ่นและรสได้เหมือนกัน



จริงๆการชงเหล้า การปรุงไวน์ในฝรั่งเศสก็ถือเป็นศิลปะชั้นสูงอย่างนึงที่ไม่แพ้การปรุงน้ำหอมเลยนะคะ แล้วมันก็มีความคล้ายคลึงกันมากในเรื่องของการพิถีพิถันเลือกหาวัตถุดิบและนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการเบลนกลิ่นที่ต้องใช้ทักษะ


อย่าง Champagne เบลนขึ้นจากองุ่น 3 ชนิด (chardonnay, pinot noir, and meunier) ผ่านทักษะของ chef de cave (นักปรุงไวน์) ในขณะที่น้ำหอมเบลนขึ้นจากโมเลกุลวัตถุดิบด้านกลิ่นที่คัดเลือกคัดสรรมาอย่างดีผ่านทักษะของนักปรุงน้ำหอม ซึ่งการเบลนต้องฝึกฝนกว่าที่จะรู้วิธีการเบลนให้ได้กลิ่นออกมาดี เรามองว่ามันเป็นงานที่ใช้ทั้งความอุตสาหะและความปราณีตที่ต้องใช้ใจรักและระยะเวลาเพราะมันเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับการดึงอารมณ์ความรู้สึกร่วมของคนผ่านกลิ่นซึ่งมันไม่มีสูตร ไม่มีตำรา ไม่มีอะไรตายตัว (ยิ้ม)




Admin: ในงานชิ้นนี้ Perfumer ใส่ลายเซ็น (signature) ของตัวเองในฐานะศิลปินผู้สร้างงานลงไปเยอะมั้ยคะ



Perfumer: เราเองก็ไม่รู้จริงๆนะคะว่าเรามี Signature ของตัวเองหรือไม่ (หัวเราะ) เพราะเราเองก็จับฉ่ายไปทั่วเหมือนกันนะ คือยังไงดี (หัวเราะ) เวลาเราทำน้ำหอมเราทุกชิ้นเราพยายามจะไม่ใส่ความชอบส่วนตัวหรือความเป็นตัวเองลงไปเลยนะคะ แต่เรายึดหลักที่ว่าเราจะเลือกวัตถุดิบและเบลนกลิ่นยังไงให้น้ำหอมนั้นมันบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใช้มากที่สุดและกลิ่นนั้นมันต้องสามารถ Touch เข้าไปในหัวใจในความรู้สึกของผู้ใช้ได้อย่างลงตัวและช่วยดึงสิ่งที่ดีที่สุดของผู้ใช้ให้ออกมาโชว์ให้โดดเด่น นั่นคือการสร้างงานของเรา ต้องมองที่ตัวตนของผู้ใช้เป็นที่ตั้ง ต้องสะท้อนตัวเขาออกมาไม่ใช่ตัวเรา



คืออาจเพราะเราเองตั้งแต่อดีตร่วมปรุงกลิ่นให้หลายผลิตภัณฑ์มาก่อน แต่ละแบรนด์ที่เราปรุงก็ต่างโจทย์ ต่างกลุ่มบุคลิกผู้ใช้ งานเราแต่ละที่ก็จะไม่เหมือนกันเลยค่ะ อย่างงานของเราที่ทำกลิ่นที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ครีม สปา หรือผลิตภัณฑ์ซักผ้า ก็จะต่างกันเลยกับน้ำหอมที่เราทำเพื่อใช้ฉีดตัว



ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้อยากสื่ออะไรออกมาให้โดดเด่น หน้าที่เราคือทำสิ่งที่เป็นตัวตนที่ดีดี่สุดของเขาออกมาโชว์ (ยิ้ม)



แต่สำหรับ Prung Flower Water แล้วนั้น ตัวแบรนด์มี Signature ของแบรนด์ที่ชัดเจนคือความเป็น Flower Water ที่ให้ความรู้สึกโปร่งบางแบบน้ำ เป็นน้ำหอมที่ไม่ฉุนในฝรั่งเศสอาจสื่อสารด้วยการใช้คำว่า L’eau ดังนั้นกลิ่นภายใต้ Prung Flower Water ทุกกลิ่นเราจะทำออกมาแนวที่ตอบโจทย์คนที่ชอบน้ำหอมโปร่งๆ อารมณ์สวยแพงแต่กลิ่นไม่หนัก ไม่ฉุนค่ะ





Admin: อยากให้ Perfumer พูดถึงการที่มี Cinnamon ทำให้กลิ่นออกมาในรูปแบบไหนคะ



Perfumer: เราใช้น้ำมันหอมจากเปลือก Cinnamon แท้ๆเกรดที่ดีที่สุดในการเบลนกลิ่นค่ะ คือด้วยความ Cinnamon ธรรมชาตินี่ลักษณะกลิ่นมันจะ Warm, Dry อยู่แล้วมันทำให้เมื่อมาเบลนกับเชอร์รี่มันลดความฉ่ำของเชอร์รี่ลงกลายไปเป็นความสมดุลเลยคือทำให้กลิ่นโดยรวมมันดูหรูหรา ดูไม่เลี่ยน สังเกตุดูว่าน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกหรูหรามักจะมีโน๊ตที่ให้ความอบอุ่น (Warm)



Cinnamon เป็นส่วนผสมที่เป็นเหมือน Heaven Scent ที่ลงตัวเข้ากันได้ดีมากกับโน๊ตของเชอร์รี่และแชมเปญ มันช่วย drop ความ sparking ของแชมเปญลงมาได้ด้วย และจริงๆเราต้องการสื่อถึงความอบอุ่นจากการได้อยู่กับคนที่รักในการเฉลิมฉลองจึงสื่อผ่านโน๊ตนี้ค่ะ



Admin: กลิ่นนี้นอกจากจะใช้เทคนิคขั้นสูงในการเบลนแล้วยังใช้การบ่มกลิ่นด้วยใช่ไหมคะ


Perfumer: ใช่ค่ะ งานชิ้นนี้เราต้องอาศัยการหมักเครื่องเทศที่เป็นวัตถุดิบธรรมชาติร่วมกับน้ำมันและต้องใช้เทคนิคการเผาไม้รมควันกลิ่นเพื่ออบน้ำหอมเป็นงานที่ค่อนข้างทำยาก และใช้ความละเอียดเพื่อที่จะทำให้กลิ่นมันมีความ bitter sweet ขมที่ตัดความหวานเลี่ยนของเชอร์รี่ค่ะและมีความหรูหรา




Admin: กลิ่นนี้เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ชายหรือผู้ใช้ที่มีบุคลิกยังไงคะ


Perfumer: เราทำกลิ่นให้ออกมาเป็น To be Shared ค่ะ คือทุกคนใช้ได้หมด กลิ่นนี้ถึงจะมีโน๊ตความหวานฉ่ำของเชอร์รี่แต่เราทำให้มันสอดรับไปกับความ woody และ smoky นิดๆ ดังนั้นเป็นกลิ่นที่ทุกคนใช้ได้สบายๆค่ะ






Admin: อยากให้ Perfumer ฝากอะไรถึงคนที่กำลังอยากลองผลงานชิ้นนี้ไว้ด้วยค่ะ


Perfumer: อยากให้ลองดูค่ะ หากใครที่ชอบน้ำหอมกลิ่นเครื่องดื่มอย่าง Rouge Sangria & Clementine ที่ใช้ไวน์ปรุง หรือ La Muse ที่ใช้เหล้ารัม น่าจะชอบความ Boozy ที่ไม่แพ้กันของ Cherry, Cinnamon, & Champagne นี้เช่นกันค่ะ (ยิ้ม)








bottom of page